หิญาบ

xanga tracking
Holiday Decorations


อายะฮฺและหะดีษเกี่ยวกับหิญาบ
﴿آيات وأحاديث في الحجاب﴾
]









เอาเราะฮฺของมุสลิมะฮฺต่อหน้าผู้หญิงมุสลิมะฮฺด้วยกันคือเอาเราะฮฺเดียวกันต่อหน้ามะหฺร็อมของนาง ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า:
وَلا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلاَّ لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاءِ بُعُولَتِهِنَّ أَوْ أَبْنَائِهِنَّ أَوْ أَبْنَاءِ بُعُولَتِهِنَّ أَوْ إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي أَخَوَاتِهِنَّ أَوْ نِسَائِهِنَّ 
ความว่า: และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ หรือบิดาของพวกเธอ หรือบิดาของสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายของสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ [อัน-นูร, 24 : 31]

จากอายะฮฺข้างต้น จะเห็นได้ว่าอัลลอฮฺได้สั่งใช้มิให้มุสลิมะฮฺเปิดเผยเครื่องประดับของนางต่อหน้าผู้ชาย ยกเว้นผู้ชายที่เป็นมะหฺร็อมของนางและผู้หญิงมุสลิมะฮฺ ฉะนั้น เอาเราะฮฺของนางต่อผู้ชายที่เป็นมะหฺร็อมและผู้หญิงมุสลิมะฮฺคือเอาเราะฮฺเดียวกัน นั่นคือ ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากอวัยวะที่เป็นตำแหน่งของเครื่องประดับ
จากอายะฮฺ –ซึ่งมีความหมายว่า- “และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ” ความหมายของ “เครื่องประดับ” ณ ที่นี้มิได้หมายถึงเพียงเครื่องประดับ แต่หมายรวมถึงอวัยวะที่เป็นตำแหน่งของเครื่องประดับนั้นๆ อีกด้วย ดังที่นักวิชาการอรรถาธิบายอัลกุรอานได้อธิบายไว้

อบุลลัยษฺ อัส-สะมัรก็อนดียฺได้อธิบายอายะฮฺนี้ว่า:
“นั่นคือ พวกนางจงอย่าเปิดเผยอวัยวะที่เป็นตำแหน่งของเครื่องประดับพวกนาง –ต่อบรรดาผู้ชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อม- นั่นคือหน้าอก หน้าแข้ง แขน และศีรษะ เพราะเนินอกเป็นตำแหน่งของผ้าพันคอ(ในภาษาอาหรับคือวิชาหฺมีลักษณะคล้ายผ้าพันคอ พาดระหว่างบ่า) แขนเป็นตำแหน่งของกำไล หน้าแข็งเป็นตำแหน่งของกำไลข้อเท้า และศีรษะเป็นตำแหน่งของมงกุฏ พระองค์ได้ตรัสถึงเครื่องประดับ และความหมายของเครื่องประดับคือ ตำแหน่งเครื่องประดับ” [ดู: บะหฺรุลอุลูม โดยอัส-สะมัรก็อนดียฺ, 3/212]

อัลลอฮฺได้อนุมัติให้เปิดเผยส่วนที่เป็นตำแหน่งของเครื่องประดับ อันได้แก่เนินอก หน้าแข้ง แขน และศีรษะ แก่ผู้ชายที่เป็นมะหฺร็อมและผู้หญิง ฉะนั้นส่วนที่อยู่นอกเหนือตำแหน่งเครื่องประดับตั้งแต่หัวเข่าจนถึงหน้าอก จึงเป็นเอาเราะฮฺไม่อนุญาตให้มุสลิมะฮฺเปิดเผยต่อผู้ใดได้ยกเว้นผู้เป็นสามี

ส่วนทัศนะที่บอกว่า เอาเราะฮฺของมุสลิมะฮฺต่อหน้าผู้หญิงมุสลิมะฮฺด้วยกันเองคือ สิ่งที่อยู่ระหว่างหัวเข่ากับสะดือนั้น บางคนอาจเข้าใจทัศนะนี้ว่า อนุญาตให้ผู้หญิงมุสลิมะฮฺปกปิดเฉพาะส่วนที่อยู่ระหว่างหัวเข่ากับสะดือ แล้วเปิดเผยส่วนที่อยู่นอกเหนือจากนั้น แต่ที่จริงแล้วคือ ส่วนที่อยู่ระหว่างหัวเข่ากับสะดือนั้นเป็นเอาเราะฮฺที่ไม่อนุญาตให้เปิดเผยอย่างเด็ดขาดนอกจากมีเหตุจำเป็น ส่วนส่วนอื่นจากนั้น(ที่ไม่ใช่ศีรษะ คอ เนินอก แขน และหน้าแข้ง) ก็จำเป็นต้องปิดเช่นกัน แต่ไม่ถึงขั้นต้องปกปิดเสมือนกับปกปิดส่วนที่อยู่ระหว่างหัวเข่ากับสะดือ กล่าวคืออาจเปิดเผยในบางครั้ง แต่โดยปกติแล้วต้องปกปิด

ส่วนเอาเราะฮฺของนางต่อหน้าผู้หญิงต่างศาสนิก คืออวัยวะที่นอกเหนือจากส่วนที่มักจะเปิดเผยในเวลาทำงาน ซึ่งเป็นทัศนะที่มุอฺตะมัด (ถูกยึดถือ) ในมัซฮับอัช-ชาฟิอียฺ [ดู: มุฆนีย์ อัล-มุหฺตาจญ์, 3/123]

อัล-เคาะฏีบ อัช-ชัรบีนียฺ (เสียชีวิตฮ.ศ. 977) หนึ่งในอุละมาอ์มัซฮับอัช-ชาฟิอียฺได้อธิบาย “อวัยวะที่มักจะเปิดเผยในเวลาทำงาน” คือ ใบหน้า ศีรษะ คอ มือจนถึงข้อศอก และเท้าจนถึงหัวเข่า [ดู: มุฆนีย์ อัล-มุหฺตาจญ์, 3/123]

จะเห็นได้ว่า เอาเราะฮฺของมุสลิมะฮฺต่อหน้าผู้หญิงต่างศาสนิกเป็นเอาเราะฮฺเดียวกันของนางต่อผู้ชายที่เป็นมะหฺร็อมและผู้หญิงมุสลิมะฮฺ ซึ่งก็พ้องกับทัศนะของอุละมาอ์บางท่านที่เห็นว่า เอาเราะฮฺของมุสลิมะฮฺต่อหน้าผู้หญิงมุสลิมะฮฺและผู้หญิงต่างศาสนิกเป็นเอาเราะฮฺเดียวกัน และในสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เองก็มีหญิงชาวมุชริกเข้าหาบรรดาภรรยาของท่าน ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และไม่มีรายงานว่าพวกนางได้ปกปิดเอาเราะฮฺ เสมือนกับการปกปิดต่อหน้าผู้ชายที่ไม่ได้เป็นมะหฺร็อมดังที่เป็นทัศนะหนึ่งของอุละมาอ์

สรุป
เอาเราะฮฺของผู้หญิงมุสลิมะฮฺต่อหน้ามะหฺร็อม, ผู้หญิงมุสลิมะฮฺด้วยกัน, และต่อหน้าผู้หญิงต่างศาสนิก คือเอาเราะฮฺเดียวกัน กล่าวคือ อนุญาตให้เปิดเผยศีรษะ คอ เนินอก แขน และหน้าแข้ง ส่วนอื่นจากนี้ ไม่อนุญาตให้มุสลิมะฮฺเปิดเผยนอกจากต่อสามีของนาง ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น






http://www.iqraforum.com/forum/index.php?PHPSESSID=t1g3jinv8mo6vfdmhnqm0agfd5&topic=4855.msg26326;topicseen#msg26326








เอาเราะห์ของมุสลิมะฮฺต่อสตรีที่มิใช่มุสลิม.






เอาเราะฮ์ของมุสลิมะฮ์ที่มีต่อสตรีที่ไม่ใช่มุสลิมนั้น เหมือนกับเอาเราะฮ์ที่ต้องปกปิดต่อหน้าชายอื่นครับ



ท่าน อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือมุฆนิลมั๊วะตาจญ์ของท่านว่า "สตรีที่บรรลุศาสนภาวะ ฮุกุ่มของนางในการมองผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั้น ก็เหมือนกับผู้ชายมองผู้ชาย คืออนุญาตให้มองสิ่งที่นอกเหนือจากสะดือและหัวเข่าได้ แต่ต้องพร้อมกับปลอดภัยจากฟิตนะฮ์



และห้ามมองพร้อมกับมีอารมณ์และกลัวจะเกิดฟิตนะฮ์

ซึ่งตามทัศนะ ที่ชัดเจนยิ่งนั้น คือห้ามให้สตรีกาเฟรมองสตรีมุสลิมะฮ์ ดังนั้นสตรีมุสลิมะฮ์ต้องคลุมฮิญาบปกปิดจากสายตาสตรีกาเฟร เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงตรัสความว่า








"(และนางอย่าเปิดเผย - ส่วนร่างกายที่สวมใส่ - เครื่องประดับของพวกนาง)ยกเว้นกับสตรีพวกเดียวกับบรรดาสตรีผู้มีศรัทธา" อันนูร 31



ดัง นั้น หากอนุญาตให้สตรีกาเฟรมองเอาเราะฮ์สตรีมุสลิมะฮ์ ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดให้กับการจำกัดความการมองของบรรดาสตรีที่มีความ ศรัทธา (เพราะอัลกุรอานบอกว่า จำกัดยกเว้นสตรีผู้มีศรัทธาเท่านั้นที่มองได้) และมีรายงานซอฮิห์จากท่าน อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า "ท่านได้ห้ามบรรดาสตรีชาวอะฮ์ลุลกิตาบเข้าห้องน้ำพร้อมกับบรรดาสตรีมุสลิมะ ฮ์ และเพราะว่าบางทีพวกนางอาจจะนำไปบอกเล่า(การเห็นเอาเราะฮ์ของมุสลิมะฮ์)ให้ กับชายกาเฟรฟัง...แต่ก็อนุญาตให้สตรีอะฮ์ลุลกิตาบเห็นสตรีมุสลิมะฮ์ส่วนที่ เปิดเผยขณะทำงาน ตามทัศนะที่มีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งระบุไว้ในหนังสืออัรเราเฏาะฮ์ เช่นเดียวกับ ต้นฉบับเดิมของอัรเราเฏาะฮ์ (คือหนังสืออัลอะซีซของอัรรฟิอีย์)และมันเป็นทัศนะที่ถูกยึดถือ" มุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ 4/226
















1. อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَقُل لِّلْمُؤْمِنَاتِ يَغْضُضْنَ مِنْ أَبْصَارِهِنَّ وَيَحْفَظْنَ فُرُوجَهُنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَلْيَضْرِبْنَ بِخُمُرِهِنَّ... عَلَى جُيُوبِهِنَّ وَلَا يُبْدِينَ زِينَتَهُنَّ إِلَّا لِبُعُولَتِهِنَّ أَوْ آبَائِهِنَّ أَوْ آبَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ أَبْنَائِهِنَّ أَوْ أَبْنَاء بُعُولَتِهِنَّ أَوْ إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي إِخْوَانِهِنَّ أَوْ بَنِي أَخَوَاتِهِنَّ أَوْ نِسَائِهِنَّ أَوْ مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُهُنَّ أَوِ التَّابِعِينَ غَيْرِ أُوْلِي الْإِرْبَةِ مِنَ الرِّجَالِ أَوِ الطِّفْلِ الَّذِينَ لَمْ يَظْهَرُوا عَلَى عَوْرَاتِ النِّسَاء وَلَا يَضْرِبْنَ بِأَرْجُلِهِنَّ لِيُعْلَمَ مَا يُخْفِينَ مِن زِينَتِهِنَّ وَتُوبُوا إِلَى اللهِ جَمِيعاً أَيُّهَا الْمُؤْمِنُونَ لَعَلَّكُمْ تُفْلِحُونَ﴾ (النور : 31 )
ความว่า “และจงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงทั้งหลาย ให้พวกนางลดสายตาของพวกนางลงต่ำ (จากสิ่งต้องห้าม) และให้พวกนางรักษาทวารของพวกนาง (จากการประพฤติผิดทางเพศ) และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับ เว้นแต่สิ่งที่เปิดเผยได้ (เช่น ตาทั้งสองข้างเพราะความจำเป็นในการมอง ฝ่ามือด้านนอก หรือตาข้างหนึ่ง หรือเสื้อผ้า เช่น ผ้าคลุม ถุงมือ) และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของนางลงมาถึงญุยูบิฮินนะ (คือคอเสื้อคลุมของพวกนาง ซึ่งรวมใบหน้า คอ และหน้าอก) และอย่าให้พวกนางเปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง เว้นแต่แก่สามีของพวกนาง หรือบิดาของพวกนาง หรือบิดาของสามีของพวกนาง หรือลูกชายของพวกนาง หรือลูกชายของสามีของพวกนาง หรือพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือพวกผู้หญิง (มุสลิม) ของพวกนาง หรือที่มือขวาของพวกนางครอบครอง (ทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้นางกระทืบเท้าของพวกนาง เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกนางควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกนาง และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮฺเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ” [อันนูร 24:31]

2. อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَالْقَوَاعِدُ مِنَ النِّسَاء اللَّاتِي لَا يَرْجُونَ نِكَاحاً فَلَيْسَ عَلَيْهِنَّ جُنَاحٌ أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้” [อันนูร 24:60]

หญิงวัยชรา หมายถึง สตรีที่ไม่มีประจำเดือนนานแล้ว ซึ่งพวกนางไม่สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้
ต่อไปจะมีคำอธิบายของ หัฟเศาะหฺ บินตุ ซีรีน เกี่ยวกับคำอายะฮฺนี้

3. อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ قُل لِّأَزْوَاجِكَ وَبَنَاتِكَ وَنِسَاء الْمُؤْمِنِينَ يُدْنِينَ عَلَيْهِنَّ مِن جَلَابِيبِهِنَّ ذَلِكَ أَدْنَى أَن يُعْرَفْنَ فَلَا يُؤْذَيْنَ وَكَانَ اللهُ غَفُوراً رَّحِيماً﴾ (الأحزاب : 59 )
ความว่า “โอ้นบี (มุฮัมมัด) เอ๋ย จงกล่าวแก่ภรรยาของเจ้าและบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดทั้งเรือนร่าง (ปกปิดอย่างสมบูรณ์ยกเว้นตาหนึ่งหรือสองข้างเพื่อมองทาง) นั่นเป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก (ในฐานะหญิงอิสรชน) เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ” [อัลอะหฺซาบ 33:59]

4. อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا لَا تَدْخُلُوا بُيُوتَ النَّبِيِّ إِلَّا أَن يُؤْذَنَ لَكُمْ إِلَى طَعَامٍ غَيْرَ نَاظِرِينَ إِنَاهُ وَلَكِنْ إِذَا دُعِيتُمْ فَادْخُلُوا فَإِذَا طَعِمْتُمْ فَانتَشِرُوا وَلَا مُسْتَأْنِسِينَ لِحَدِيثٍ إِنَّ ذَلِكُمْ كَانَ يُؤْذِي النَّبِيَّ فَيَسْتَحْيِي مِنكُمْ وَاللهُ لَا يَسْتَحْيِي مِنَ الْحَقِّ وَإِذَا سَأَلْتُمُوهُنَّ مَتَاعاً فَاسْأَلُوهُنَّ مِن وَرَاء حِجَابٍ ذَلِكُمْ أَطْهَرُ لِقُلُوبِكُمْ وَقُلُوبِهِنَّ وَمَا كَانَ لَكُمْ أَن تُؤْذُوا رَسُولَ اللهِ وَلَا أَن تَنكِحُوا أَزْوَاجَهُ مِن بَعْدِهِ أَبَداً إِنَّ ذَلِكُمْ كَانَ عِندَ اللهِ عَظِيماً﴾ (الأحزاب : 53 )
ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้เข้าไปในบ้านทั้งหลายของนบี เว้นแต่จะเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า เพื่อรับประทานอาหาร โดยมิต้องคอยการปรุงอาหารให้สุกเสียก่อน แต่เมื่อพวกเจ้าได้รับเชิญก็จงเข้าไป ครั้นเมื่อพวกเจ้ารับประทานอาหารเสร็จแล้วก็จงแยกย้ายกันออกไป และอย่าเป็นผู้ชอบวิสาสะในการสนทนา แท้จริงในการนั้นย่อมทำความรำคาญให้แก่ท่านนบี ซึ่งท่านกระดากอายพวกเจ้า แต่อัลลอฮฺไม่ทรงกระดากอายต่อความจริง และเมื่อพวกเจ้าขอสิ่งใดจากพวกนางก็จงขอพวกนางจากหลังม่าน เช่นนั้นแหละเป็นการบริสุทธิ์อย่างยิ่งแก่จิตใจของพวกเจ้าและจิตใจของพวกนาง และไม่เป็นการบังควรแก่พวกเจ้าที่จะก่อความรำคาญให้แก่ร่อซูลของอัลลอฮฺ และพวกเจ้าจะต้องไม่แต่งงานกับบรรดาภริยาของท่าน หลังจากท่าน (ได้สิ้นชีพไปแล้ว) เป็นอันขาด แท้จริงในการนั้น ณ ที่อัลลอฮฺเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงนัก” [อัลอะหฺซาบ 33:60]

หลักฐานจากอัลหะดีษ
1. รายงานจาก เศาะฟียะฮฺ บินตุ ชัยบะฮฺ ว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า เมื่ออายะฮฺนี้ถูกประทานลงมา “และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงคอเสื้อคลุมของพวกนาง (ญุยูบิฮินนะ รวมร่างกาย ใบหน้า คอ และหน้าอก)” พวกนางได้นำอิซาร (เสื้อผ้าชนิดหนึ่ง) มาฉีกขอบผ้า แล้วใช้มันปิดใบหน้าของพวกนาง” (บันทึกโดย อัลบุคอรี, 4481)
ในอีกรายงานหนึ่งรายงานโดย อบูดาวูด (4102) ดังนี้ “ขออัลลอฮฺทรงเมตตาสตรีชาวมุฮาญิร เมื่ออัลลอฮฺทรงประทานอายะฮฺ “และให้พวกนางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ (ร่างกาย ใบหน้า คอ และหน้าอก)” พวกนางฉีกส่วนที่หนาที่สุดของผ้ากันเปื้อนของพวกนางและใช้มันปกปิดใบหน้า”
ชัยคฺ มุฮัมมัด อัลอะมีน อัชชันกีฏี เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า หะดีษนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่บรรดาเศาะหาบียะฮฺเข้าใจต่ออายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ” ว่าหมายถึงให้ปกปิดใบหน้า และพวกนางได้ฉีกเสื้อผ้าของนางเพื่อปกปิดใบหน้า เป็นการเชื่อฟังคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺในอายะฮฺนี้ ดังนั้นบุคคลที่มีใจเป็นกลางจะเข้าใจว่า การคลุมหิญาบและการคลุมหน้าของสตรีต่อหน้าผู้ชายถูกสั่งใช้ในซุนนะฮฺที่เศาะฮีหฺซึ่งอธิบายคัมภีร์ของอัลลอฮฺ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ยกย่องสตรีที่รีบทำตามคำสั่งใช้ที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมาในคัมภีร์ของพระองค์ เป็นที่ทราบกันว่าความเข้าใจของพวกนางในอายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ” ว่าหมายถึงการคลุมหน้านั้นมาจากท่านนบี เพราะท่านนบี อยู่ที่นั่นและบรรดาสตรีจะถามท่านเกี่ยวกับทุกสิ่งที่นางไม่เข้าใจในศาสนา อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَأَنزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ﴾ (النحل : 44 )
ความว่า “และเราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้า (มุฮัมมัด) ซึ่งซิกรฺ (คำแนะนำและข้อตักเตือน หมายถึง ซุนนะฮฺ) เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจงแก่มนุษย์ ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขา (คือ อัลกุรอาน) และเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง” [อันนะหฺล 16:44]

อิบนุ หะญัร เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวในฟัตหุลบารี ว่า รายงานของ อิบนุ อบี หาติม จาก อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุษมาน อิบนุ ค็อยซัม จากเศาะฟียะฮฺ อธิบายว่า รายงานนี้กล่าวว่า เราได้อ้างถึงสตรีชาวกุร็อยชฺและความดีของพวกนางที่ปรากฏในคำกล่าวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่า “สตรีชาวกุร็อยชฺเป็นคนดี แต่ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันไม่เคยเห็นใครดีกว่าหรือศรัทธาต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺอย่างเข้มแข็ง มากไปกว่าสตรีชาวอันศอร เมื่อซูเราะฮฺอันนูรถูกประทานลงมา “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ” ผู้ชายในครอบครัวของพวกนางมายังพวกนางและอธิบายสิ่งที่ถูกประทานลงมา และไม่มีสตรีคนใดในหมู่พวกนางเว้นแต่ได้ฉีกผ้าเอามาปิดหน้า และติดตามด้วยการละหมาดยามเช้าในสภาพที่ห่อหุ้มเหมือนมีกาอยู่บนศีรษะของพวกนาง” หะดีษนี้ได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนในรายงานของอัลบุคอรีก่อนหน้านี้ ซึ่งเราทราบว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เป็นผู้มีความรอบรู้และเคร่งครัดศาสนา ได้ยกย่องบรรดาสตรีชาวอันศอรจากการกระทำดังกล่าวว่า ไม่เคยเห็นสตรีคนใดศรัทธาในคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺอย่างเข้มแข็งเท่ากับพวกนาง นี่เป็นการชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกนางเข้าใจอายะฮฺ “และให้นางปิดด้วยผ้าคลุมศีรษะของพวกนางลงมาจนถึงญุยูบิฮินนะ” ว่าหมายถึงคำสั่งบังคับใช้ให้ปิดใบหน้า และสิ่งนี้เกิดจากความศรัทธาของพวกนางต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺ การคลุมหิญาบและการคลุมหน้าของสตรีเมื่อยู่ต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อมเป็นการกระทำของผู้ศรัทธาต่อคัมภีร์ของอัลลอฮฺและวะฮียฺ เป็นเรื่องแปลกมากสำหรับบางคนที่อ้างว่ามีความรู้กลับกล่าวว่า การคลุมหน้าของสตรีเมื่ออยู่ต่อหน้าชายที่ไม่ใช่มะหฺร็อมนั้นไม่มีปรากฏในอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ทั้งๆ ที่บรรดาเศาะหาบียะฮฺปฏิบัติด้วยความเชื่อฟังในคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ การให้ความหมายดังกล่าวนี้ตั้งมั่นอยู่ในซุนนะฮฺซึ่งรายงานจากอัลบุคอรีที่อ้างอิงก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ในบรรดาหลักฐานที่แข็งแรงที่สุดว่าสตรีทุกคนถูกสั่งใช้ให้คลุมหิญาบ (อัฎวาอ์ อัลบะยาน, 6/594-595)

2. รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่าบรรดาภรรยาของท่านนบี ได้เคยออกไปยังอัลมะนาศิอฺ (สถานที่ซึ่งทราบกันว่าอยู่ในเส้นทางของอัลบะกีอฺ) ในเวลากลางคืนเพื่อถ่ายทุกข์ และอุมัร ได้เสนอกล่าวแก่ท่านนบี ว่า “ให้ภรรยาของท่านคลุมหิญาบ” แต่ท่านร่อซูล ไม่ได้ทำตามนั้น หลังจากนั้น ในคืนหนึ่ง ท่านหญิงเซาดะฮฺ บินตุ ซัมอะฮฺ ภรรยาของท่านนบี ได้ออกไปในเวลาอิชาอ์และนางเป็นคนสูง อุมัรตะโกนไปยังนางว่า “พวกเราจำท่านได้ โอ้เซาดะฮฺ” หวังว่าหิญาบจะถูกประทานลงมา แล้วหลังจากนั้นอัลลอฮฺก็ทรงประทานอายะฮฺเกี่ยวกับหิญาบลงมา (อัลบุคอรี, 146; มุสลิม, 2170)

3. รายงานจาก อิบนุ ชิฮาบ ว่า อนัส กล่าวว่า ฉันเป็นผู้รอบรู้ที่สุดในเรื่องหิญาบ อุบัยย์ อิบนุ กะอับ เคยถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อท่านร่อซูล แต่งงานกับซัยนับ บินตุ ญะห์ชฺ ในเมืองมะดีนะฮฺ ท่านร่อซูล เชิญผู้คนไปทานอาหารหลังดวงอาทิตย์ขึ้น ท่านร่อซูล ได้นั่งลงและผู้ชายบางคนนั่งรอบๆ ท่าน ภายหลังผู้คนได้กลับไป จนกระทั่งท่านยืนขึ้นและเดินไปโดยที่ฉันเดินไปกับท่าน จนถึงประตูที่พักของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ท่านคิดว่าพวกเขาได้กลับไปแล้ว ท่านจึงกลับไปและฉันกลับไปกับท่าน และผู้คนยังนั่งอยู่ ณ ที่นั้น ท่านกลับมาที่บ้านอาอิชะฮฺอีกครั้งและฉันไปกับท่านจนถึงประตูที่พักของท่านหญิงอาอิชะฮฺ จากนั้นท่านกลับมาและฉันได้มากับท่าน และผู้คนได้จากไปแล้ว ท่านจึงกางม่านลงระหว่างฉันกับท่าน และอายะฮฺอัลกุรอานเกี่ยวกับหิญาบก็ถูกประทานลงมา” (อัลบุคอรี, 5149; มุสลิม, 1428)

4.รายงานจาก อุรวะฮฺ ว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ กล่าวว่า “ท่านร่อซูล ได้ไปละหมาดศุบหฺและสตรีผู้ศรัทธาได้เข้าร่วมละหมาดกับท่านโดยคลุมหน้าไป จากนั้นพวกนางกลับบ้านของพวกนางโดยที่ไม่มีใครจำพวกนางได้” (อัลบุคอรี, 365; มุสลิม, 645)

5. รายงานท่านหญิงอาอิชะฮฺ ว่า “มีผู้ขี่พาหนะผ่านมายังเราขณะเราครองอิหฺรอม และกำลังอยู่ร่วมกับท่านร่อซูลุลลอฮฺ เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ พวกเราละคนก็จะดึงญิลบาบลงมาปิดใบหน้า และเมื่อพวกเขาไปแล้วเราก็เปิดใบหน้าของเราเช่นเดิม” (บันทึกโดยอบูดาวูด, 1833; อิบนุมาญะฮฺ, 2935; จัดเป็นหะดีษเศาะฮีหฺโดย อิบนุ คุซัยมะฮฺ (4,203) และโดย อัลอัลบานี ใน กิตาบ ญิลบาบ อัลมัรอะฮฺ อัลมุสลิมะฮฺ)

6. รายงานจากอัสมาอ์ บินตุ อบูบักร กล่าวว่า “เราคลุมหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชาย” บันทึกโดย อิบนุ คุซัยมะฮฺ, 4/203; อัลหากิม, 1/624; อัลหากิม จัดระดับเป็นหะดีษเศาะฮีหฺและ อัซซะฮะบี เห็นด้วยกับเขา และ อัลอัลบานี กล่าวไว้ใน ญิลบาบ อัลมัรอะฮฺ อัลมุสลิมะฮฺ ว่า หะดีษนี้เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)

7. รายงานจาก อาศิม อัลอะหฺวัล กล่าวว่า เราเคยเข้าไปยังหัฟเศาะหฺ บินตุ ซีรีน ขณะสวมญิลบาบ ดังนั้นนางจึงปิดใบหน้าของนางด้วยกับมัน และเรากล่าวกับนางว่า ขออัลลอฮฺทรงเมตตาท่าน อัลลอฮฺตรัสว่า
﴿وَالْقَوَاعِدُ مِنَ النِّسَاء اللَّاتِي لَا يَرْجُونَ نِكَاحاً فَلَيْسَ عَلَيْهِنَّ جُنَاحٌ أَن يَضَعْنَ ثِيَابَهُنَّ غَيْرَ مُتَبَرِّجَاتٍ بِزِينَةٍ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และบรรดาหญิงวัยชราซึ่งพวกนางไม่ปรารถนาที่จะสมรสแล้ว ไม่เป็นที่น่าตำหนิแก่พวกนางที่จะเปลื้องเสื้อผ้า (ภายนอก) ของนางออก โดยไม่เปิดเผยส่วนงดงาม” [อันนูร 24:60]

และนางกล่าวว่า “อะไรต่อจากนั้น?” เรากล่าวว่า
﴿وَأَن يَسْتَعْفِفْنَ خَيْرٌ لَّهُنَّ وَاللهُ سَمِيعٌ عَلِيمٌ﴾ (النور : 60 )
ความว่า “และหากพวกนางงดเว้นเสียก็จะเป็นการดีแก่พวกนาง” [อันนูร 24:60]

นางกล่าวว่า “ความหมายของมันก็คือให้นางคงสวมหิญาบไว้ย่อมดีกว่า” (บันทึกโดย อัลบัยฮะกี, 7/93)



แปลโดย : ทีมงานบะนาตุลฮุดา
Ref : Islamhouse , Islamqa


.....................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น