พิจารณาถึงจิตใจ

xanga stats
Deluxe Play Yard



ท่านเราะซูล ได้กล่าวความว่า "แท้จริงอัลลอฮ์ มิทรงพิจารณาถึงรูปร่างและทรัพย์สินของพวกเจ้า แต่ทว่าพระองค์ทรงพิจารณาถึงจิตใจ และความประพฤติของพวกเจ้า" (รายงานโดยมุสลิม)
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าหากพวกท่านปกปิดสิ่งที่อยู่ในอกของพวกท่าน หรือเปิดเผยมันก็ตาม อัลลอฮ์ก็ย่อมรู้สิ่งนั้นดีและทรงรู้สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และอัลลอฮ์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง3-29
........
• การกล่าว“อามีน”ตรงกับการ การกล่าว“อามีน”ของมลาอีกะ ท่านนบี กล่าวว่า
ท่าน นบี มุหัมมัด รอ ซูลลุลฺลอฮฺ ซอลลัลฺลอฮุ อะลัย ฮิวะสัลลัม ได้ กล่าว ว่า
“เมื่อผู้หนึ่งในหมู่พวกท่านได้กล่าว “อามีน” บรรดามลาอีกะบนฟากฟ้าก็พากันกล่าว “อามีน”ด้วย
ดังนั้นหากการกล่าวดังกล่าวตรงพ้องกันเขาผู้นั้นจะได้รับการอภัยในบาปต่างๆที่ผ่านมา"
(รายงานโดย บุคอรีย์ และมุสลิม)
• การอดทน ท่านนบี กล่าวว่า
“ไม่ว่าจะเป็นความ เหน็ดเหนื่อยป่วยไข้หม่นหมองโศกเศร้าภัยอันตรายและความกลุ้มใจที่ได้มาประสบ กับมุสลิม
แม้กระทั่งหนาม ที่เขาโดนตำนอกเสียจากว่าอัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดต่างๆของเขาด้วยเหตุ ต่างๆที่เขาประสบนั้น”
(รายงานโดย บุคอรี)

อิบนุอุมัร (ร.ด.) ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้จับไหล่ทั้งสองข้างของฉันแล้วกล่าวว่า “ ท่านจงอยู่ในโลกดุนยานี้ เหมือนคนแปลกหน้า หรือคนที่เดินทางผ่านไป” ท่านอิบนุ อุมัร (ร.ด.) เคยกล่าวว่า เมื่อท่านอยู่ในเวลาเย็น อย่ารอเวลาเช้า และเมื่ออยู่ในเวลาเช้าอย่ารอเวลาเย็น จงฉวยโอกาสทำความดีในยามที่ท่านมีสุขภาพดี เพื่อยามเจ็บป่วยของท่าน และในยามที่ท่านมีชีวิต เพื่อยามที่ท่านตาย. รายงานโดยบุคอรี.
เล่าจากอิบนิอับบาส (ร.ด.) ว่า ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้สาปแช่งบรรดาผู้ชายที่ดัดจริตเป็นผู้หญิง และบรรดาผู้หญิงที่ดัดจริตเป็นผู้ชาย ” รายงานโดยบุคอรี



ผู้รายงาน หะดีษ คืออับดุลเลาะห์ บุตร อับบาส เขาเป็นลูกของลุงของท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) เขาเกิดก่อนการอพยพไปมะดีนะห์สามปี ท่านรอซูลุ้ลเลาะห์ (ซ.ล.) ได้ขอดุอาให้เขามีความเข้าใจในคัมภีร์อัลกุรอาน เขาเสียชีวิตที่ เมืองตออิฟปี ฮ.ศ. 68

ท่านอุษมาน บินอัฟฟาน ¹ เป็นบุคคลที่รุดหน้าก่อนใครในเรื่องการทำความดี ท่านกล่าวว่า

“ท่านรอซูล ได้กล่าวว่า…ผู้ใดขุดบ่อน้ำรูมะฮฺ เขาจะได้สวนสวรรค์ และท่านอุษมานจึงได้ขุดมัน
ท่านรอซูล กล่าวอีกว่า ผู้ใดให้เสบียงแก่กองทัพแห่งความทุกข์ยาก (ซึ่งส่งไปรบที่ตะบูก) เขาจะได้สวนสวรรค์” และท่านอุษมานก็ได้จัดการให้เสบียงกองทัพ
(บุคอรี บทอัลวะศอยา, ฮะดีษเลขที่ 2778)

มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า : ฉันเคยได้ยินท่านรอซูล กล่าวว่า :

สิ่งใดที่ฉันได้ห้ามท่านทั้งหลายให้ออกห่าง พวกท่านทั้งหลายก็จงออกห่าง และสิ่งใดที่ฉันได้ใช้ให้พวกท่านทั้งหลายปฏิบัติ พวกท่านทั้งหลายก็จงนำมาปฏิบัติตามความสามารถของพวกท่านทั้งหลาย แท้จริงสิ่งที่ทำให้ชนรุ่นก่อนๆประสบกับความพินาศก็คือ การที่พวกเขาถามมาก และการที่พวกเขาขัดแย้งกับบรรดานบีของพวกเขา บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม




สาเหตุและที่มาของฮะดีษ
สาเหตุและที่ของฮะดีษตามที่ปรากฏในซอฮีฮฺของอิมามมุสลิม จากรายงานของท่านอบูฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า : ท่านรอซูล กล่าวว่า :

โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงอัลเลาะห์ได้กำหนดการทำฮัจญ์แก่พวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงทำฮัจญ์กันเถิด ได้มีชายคนหนึ่งกล่าวว่า ท่านรอซูลครับ การทำฮัจญ์นั้นจะต้องทำทุกปีเลยหรือ? ท่านรอซูล ก็นิ่งเงียบ (มิได้ให้คำตอบ) จนกระทั่งชายผู้นั้นถามซ้ำๆ กันถึงสามครั้ง ท่านรอซูล จึงได้กล่าวว่า : ถ้าหากฉันบอกว่าใช่ มันก็จะเป็นสิ่งจำเป็น (วาญิบ) และพวกท่านก็จะไม่สามารถทำได้ และท่านรอซูล ก็ได้กล่าวอีกว่า พวกท่านจงปล่อยไปเถิดในสิ่งที่ฉันละทิ้ง (เว้นไว้) ให้กับพวกท่าน แท้จริงชนรุ่นก่อนๆนั้นได้รับความพินาศเนื่องจากพวกเขาถามมาก และพวกเขาขัดแย้งกับบรรดานบีของพวกเขา ดังนั้นเมื่อฉันใช้ให้พวกท่านปฏิบัติสิ่งหนึ่ง พวกท่านก็จงปฏิบัติสิ่งนั้นตามความสามารถ และเมื่อฉันห้ามพวกท่านจากสิ่งหนึ่ง พวกท่านก็จงละทิ้งเสีย
ท่านรอซูล ได้กล่าวความว่า :แท้จริงศาสนานี้ (หมายถึงศาสนาอิสลาม) เป็นศาสนาที่ง่ายดาย ดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำให้เป็นสิ่งที่ง่ายดายและอย่าทำให้เป็นที่ยากลำบาก (บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์)
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านเราะซูล กล่าวว่า อัลลอฮ์ ตรัสว่า
"ไม่มีรางวัลอะไรสำหรับข้า ที่จะตอบแทนแก่ปวงบ่าวของข้าที่ศรัทธา(มีอีมาน ต่อข้า) เมื่อข้าได้เอาชีวิตเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ที่สนิทชิดเชื้อของเขาคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นชาวโลก(ดุนยา)นี้ไปจากเขา หลังจากนั้นเขาก็หวังผลตอบแทน นอกจากจะได้รับสวรรค์เท่านั้น"


"ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ไม่อนุญาตสร้างความเดือดร้อน ทำลาย ให้กับตัวเอง และผู้อื่น"


ท่านรอซูล ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ความว่า :
“ท่านจงยำเกรง ห่างไกลจากข้อห้ามต่างๆแล้ว ท่านก็จะเป็นผู้ที่ทำอิบาดะก์มากที่สุดในหมู่มนุษย์” (บันทึกโดยอัตติรมิซีย์)
ท่านหญิงอาอิชะห์ รอฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า :
“ผู้ใดชอบที่จะล้ำหน้า(ในการได้รับผลบุญ) ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรในการทำอิบาดะห์ เขาก็จงเลิกทำบาป”
ท่านอุมัร อิบนิล ค็อฏฏอบ ได้ถูกถามถึงกลุ่มชนหนึ่งที่ปรารถนาที่จะกระทำในสิ่งที่เป็นการฝ่าฝืนแต่มิได้กระทำ ท่านตอบว่า :
“เขาเหล่านั้นคือ บรรดาผู้ที่อัลเลาะห์ทรงทดสอบจิตใจของพวกเขา เพื่อความยำเกรง สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่”
มีรายงานจากท่านมุฆีเราะห์ อิบนิ ชุอฺบะห์ ความว่า :
ท่านรอซูล ได้ห้ามการที่จะพูดว่าคนนั้นพูดอย่างนั้น คนนั้นพูดอย่างนี้ การถามมาก และการสุรุ่ยสุร่าย (บันทึกโดยท่านอิมามอัลบุคอรีย์)

มีรายงานจากท่าน อบูฮุรอยเราะฮ์ กล่าวว่า
"ท่านนะบีได้พบเขาที่ถนนหนทางบางแห่งของนครมะดีนะฮ์ ในขณะที่ฉันมีญะนาบะฮ์ ฉันจึงได้หลบหน้าไม่ให้ท่านเห็น แล้วไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากนั้นจึงได้มาหาท่าน
ท่านนะบี กล่าวว่า โอ้ อบูฮุรอยเราะฮ์ ท่านไปอยู่ที่ไหนมา ?
อบูฮุรอยเราะฮ์ ตอบว่า ฉันมีญะนาบะฮ์ จึงไม่ชอบที่จะมานั่งร่วมวงกับท่าน ในขณะที่ตัวของฉันอยู่ในสภาพที่ไม่สะอาด
ท่านนะบี จึงกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่อัลลอฮ์ แท้จริงผู้ศรัทธานั้นไม่สกปรก"
( บุคอรีย์ และ มุสลิม )


มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า : ฉันเคยได้ยินท่านรอซูล กล่าวว่า :
สิ่งใดที่ฉันได้ห้ามท่านทั้งหลายให้ออกห่าง พวกท่านทั้งหลายก็จงออกห่าง และสิ่งใดที่ฉันได้ใช้ให้พวกท่านทั้งหลายปฏิบัติ พวกท่านทั้งหลายก็จงนำมาปฏิบัติตามความสามารถของพวกท่านทั้งหลาย แท้จริงสิ่งที่ทำให้ชนรุ่นก่อนๆประสบกับความพินาศก็คือ การที่พวกเขาถามมาก และการที่พวกเขาขัดแย้งกับบรรดานบีของพวกเขา บันทึกโดยอิมามอัลบุคอรีย์ และอิมามมุสลิม
แท้จริงแล้วอัลลอฮฺได้สร้างมนุษย์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นคู่กัน โดยทั้งคู่เป็นสิ่งที่ขาดจากกันไม่ได้เพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต ดังปรากฏในวจนะของท่านรอซูล มีใจความว่า
“แท้จริงแล้วเหล่าผู้หญิงนั้นคือผู้เคียงคู่ผู้ชาย”
(อบู ดาวูด)
“ผู้ใดที่อัลลอฮฺประทานภรรยาที่ดีให้เขา แน่แท้ย่อมแสดงว่าพระองค์ได้ช่วยเหลือในครึ่งหนึ่งของศาสนาเขาแล้ว”
(อัล-หากิม)
ท่านรอซูล เคยนอนหนุนตักอาอิชะฮฺในขณะที่นางมีรอบเดือน และ ท่านได้อ่านอัลกุรอานให้นางฟัง
ท่านเคยจูบนางในขณะที่นางถือศีลอด และยังให้นางหวีผมให้เมื่อตอนที่ท่านอิอฺตีก้าฟในมัสยิดโดยยื่นศรีษะให้นางซึ่งอยู่นอกมัสยิด
(อัล-บุคอรีย์และมุสลิม)
ท่านอาอิชะฮฺ ได้เล่าอีกว่า เคยอาบน้ำญะนาบะฮฺร่วมกับท่านรอซูล จากถังใบเดียว ท่านได้รีบอาบแข่งกับฉัน จนฉันกล่าวว่า ปล่อยบ้าง ปล่อยให้ฉันอาบบ้าง
(มุสลิม)




เมื่อครั้งที่ท่านรอซูล ใกล้จะเสียชีวิตนั้น อับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ อบู บักรฺ ได้เข้ามาหาท่านพร้อมไม้สีฟันที่ยังสดอยู่ ท่านได้มองดูมัน จนท่านอาอิชะฮฺสังเกตเห็นและเข้าใจว่าท่านต้องการมัน นางเล่าว่า
“ฉันจึงเอาไม้สีฟันนั้นมากัดให้นุ่มและส่งให้ท่าน ท่านรอซูล ได้ใช้ไม้นั้นสีฟันและส่งมันคืนแก่ฉัน แต่มือของท่านตกลงไปด้วยไม่มีแรง
ฉันได้ขอดุอาอ์ให้ท่านด้วยดุอาอ์ที่ญิบรีลได้ขอให้ท่านทุกครั้ง เป็นดุอาอ์ที่ท่านรอซูลเองขอให้ตัวเองเมื่อท่านป่วย แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้อ่านมัน
จากนั้นท่านได้มองไปยังเบื้องบนและกล่าวว่า "สู่การเป็นสหายกับผู้สูงส่งยิ่ง" แล้วลมหายใจของท่านก็หมดลง
ขอสรรเสริญอัลลอฮฺที่ได้รวมน้ำลายของฉันกับของท่านในห้วงสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านรอซูลในโลกดุนยา”
(อะหฺมัด, อัล-หากิม. ดู อัซ-ซะฮะบีย์. 2:189)

มีคนถามท่านอาอิชะฮฺว่า โอ้ ผู้เป็นมารดาแห่งศรัทธาชน อัลกุรอานและความรู้เกี่ยวกับสิ่งหะลาลและหะรอมนั้นท่านรับมาจากรอซูล ส่วนความรู้เกี่ยวกับกวี เชื้อสาย และเรื่องเล่านั้นท่านรับมาจากบิดาและคนอื่นๆ แล้วความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ท่านรับมาจากไหนกันเล่า?
ท่านอาอิชะฮฺตอบว่า
“ได้มีแขกจากที่ต่างๆ มาหาท่านรอซูล เป็นประจำ บ่อยครั้งที่มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับโรคนั้นโรคนี้
และท่านได้บอกพวกเขาถึงยาต่างๆ ในการใช้รักษา ฉันได้ฟังได้จำมาและเข้าใจมัน”
(อัซ-ซะฮะบีย์. 2:197)

อัลอิสลามเท่านั้น คือทางป้องกัน และทางแก้ไข และอัลอีมานเท่านั้น ที่จะทำให้เราไม่หลงทาง ท่านนบี กล่าวว่า
“คนทำซินาจะไม่สามารถทำซินา ถ้าขณะทำซินานั้น เขาอยู่ในสภาพที่เป็นมุอฺมิน”
คนหนึ่งคนใดจะไม่ทำซินา ในขณะที่มีอีมานอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ และถ้าหากเขาได้ทำไป นั่นเท่านกับว่าอีมานของเขาไม่เต็มร้อย อีมานของเขาบกพร่อง เมื่ออีมานนั้นถูกปลูกฝังอยู่ในหัวใจ และถูกเติมเต็มอยู่ในจิตใจและความรู้สึกของมุอฺมิน เขาก็จะไม่มีวันอาจหาญทำในสิ่งที่เป็นฮะรอม
รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์ ว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า อัลลอฮ์ ตรัสว่า
"ไม่มีรางวัลอะไรสำหรับข้า ที่จะตอบแทนแก่ปวงบ่าวของข้าที่ศรัทธา(มีอีมาน ต่อข้า) เมื่อข้าได้เอาชีวิตเพื่อนที่ซื่อสัตย์ ที่สนิทชิดเชื้อของเขาคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นชาวโลก(ดุนยา)นี้ไปจากเขา หลังจากนั้นเขาก็หวังผลตอบแทน นอกจากจะได้รับสวรรค์เท่านั้น"
ซูเราะฮฺ อันนูรฺ

และจงให้พวกเจ้าแต่งงานกับผู้เป็นโสดในหมู่พวกเจ้า
และกับคนดี ๆ
จากปวงบ่าวผู้ชายของพวกเจ้า และบ่าวผู้หญิงของพวกเจ้า หากพวกเขายากจน อัลลอฮ์ทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์

และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 24:32


คือจงให้ผู้ที่ไม่มีภรรยาหรือสามี แต่งงานกับผู้ที่เป็นโสดในหมู่พวกเจ้าที่เป็นชายอิสระหรือหญิงอิสระ
หมายถึง ผู้ที่ตักวาและมีความยำเกรงอัลลอฮ์ ในการนี้เป็นการชี้บ่งถึงตำแหน่งของผู้ที่มีความตักวา
เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความโปรดปรานของพระองค์นั้นจะทำให้เขาพอเพียง





และบรรดาผู้ที่ยังไม่มีโอกาสแต่งงานก็จงให้เขาข่มความใคร่ จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์
และบรรดาผู้ที่ต้องการจะไถ่ตัวให้เป็นอิสระจากผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง พวกเจ้าจงทำสัญญากับพวกเขา
หากพวกเจ้ารู้ว่าเป็นการดีกับพวกเขา และจงบริจาคแก่พวกเขาซึ่งทรัพย์สมบัติของอัลลอฮฺ ที่พระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้า
และพวกเจ้าอย่าบังคับบรรดาทาสีของพวกเจ้าให้ผิดประเวณี หากนางประสงค์จะอยู่อย่างบริสุทธิ์
แต่พวกเจ้าต้องการผลประโยชน์แห่งการดำรงชีวิตในโลกนี้ และผู้ใดบังคับพวกนางเช่นนั้น ดังนั้นหลังจากการบังคับพวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 24:33

เพราะบ่าวที่ดีนั้นเมื่อเขายำเกรงอัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงเปิดช่องทางหรือทางออกให้เขา
คือผู้ที่ประสงค์จะได้รับอิสระจากการเป็นทาสกับนางของเขา พวกเจ้าจงทำสัญญาตามจำนวนเงินที่เหมาะสม หากพวกเจ้ารู้ถึงความดี ความไว้วางใจของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้เป็นอิสระ
คือช่วยเหลือเขาในการปลดเปลื้องตัวให้พ้นจากการเป็นทาส
โดยแท้จริงแล้วผู้ที่เป็นทาสี นายของนางจะต้องคุ้มกันให้พ้นจากการทำชั่ว ส่วนการที่นายจะใช้นางให้ทำผิดประเวณีหรือทำซินา โดยที่ปฏิเสธและต้องการอยู่อย่างบริสุทธิ์ พฤติการณ์เช่นนี้นับได้ว่าเป็นสิ่งเลวทรามต่ำช้าที่สุด นักตัฟซีรกล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาเพราะ อับดุลลอฮ์ อิบนุสะลูล มุนาฟิก มีทาสี 2 คน คนหหนึ่งชื่อ “มุลัยกะฮ์” อีกคนหนึ่งชื่อ “อุมัยมะฮ์” เขาใช้ให้ทั้งสองคนทำผิดประเวณีเพื่อหารายได้ให้แก่เขา และเขาได้ทุบตีเธอทั้งสองด้วย นางจึงไปร้องทุกข์ต่อท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อายะฮ์นี้จึงถูกประทานลงมา




“ผู้ใดที่อัลลอฮฺประทานภรรยาที่ดีให้เขา แน่แท้ย่อมแสดงว่าพระองค์ได้ช่วยเหลือในครึ่งหนึ่งของศาสนาเขาแล้ว”
(อัล-หากิม)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น